วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ภัยจากการใช้โทรศัพท์มือถือ

1.หน้าจอโทรศัพท์มือถือ


  หน้าจอมือถือของคุณ เมื่อคุณหยิบโทรศัพท์มือถือ มาเมาท์ทีไรก็ต้องแนบกับหน้าทุกครั้งพอคุยเสร็จปุ๊บก็เป็นคราบเลย ทั้งแป้งทั้งเหงื่อทั้งความมัน ถ้าปล่อยไว้นานๆ อาจได้สิวเป็นของแถมด้วย ดังนั้นการดูและหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้ไม่ยากคือ ใช้ผ้าสะอาดๆ หรือทิชชู่สำหรับเด็ก (ทิชชู่ทั่วไปจะทำให้หน้าจอเป็นรอยได้) หรือใช้ผ้าเช็ดแว่นเป็นอุปกรณ์ในการทำความสะอาดหน้าจอมือถือ ส่วนเช็ดบ่อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน

top10-battery-draining-apps

2.การใช้สายชาร์ตมือถือไม่ได้มาตรฐาน

  อาจเกิดไฟลุกหรือระเบิดเหมือนที่เป็นข่าวดังได้ เพราะวัสดุไม่ได้คุณภาพ  ทั้งนี้ สายชาร์จของแท้ แม้จะราคาแพงหน่อย แต่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพในการผลิตจากผู้ผลิตแล้วมาตรฐานสากล   ยกตัวอย่างเช่น สายชาร์จและอุปกรณ์ต่อพ่วงที่มากับตัวโทรศัพท์เลย ตอนซื้อเครื่องมือถือใหม่นั้น มักผ่านการตรวจสอบคุณภาพในการผลิต จากผู้ผลิตอยู่แล้ว แต่ที่ไปซื้อแยกต่างหาก อาจไม่ได้มาตรฐาน

3.การคุยมือถือไปด้วยขณะชาร์ต

  วิศวะกรผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า  การคุยมือถือไปด้วยขณะชาร์จ ทำให้เกิดอันตรายได้ ทั้งนี้  เกิดจากแบตเตอรรี่ ซึ่งมีสารเคมี เมื่อมีการชาร์จ จะมีการทำปฏิกิริยาทางเคมีเกิดขึ้นในแบตเตอรรี่  ถ้าหากแบตเสื่อมสภาพ หมดอายุ ก็มีโอกาสที่จะระเบิดได้ ดังนั้นการคุยไปด้วยขณะชาร์จ จึงเป็นอันตราย อีกทั้ง การคุยไปด้วยเป็นการกระตุ้นการทำงานของแบตเตอรี่ให้ทำงานมากกว่าปกติ   เมื่อเทียบกับตอนไม่ได้ชาร์จ  ทำให้เพิ่มโอกาสระเบิดได้ในกรณีแบตเสื่อม

4.การชาร์ตไฟมือถือทิ้งไว้

   ถึงแม้ว่า ไฟที่อยู่ในสายชาร์จ แล้วเข้าไปยังมือถือ จะถูกแปลงเป็นกระแสตรง ซึ่ง โดยทั่วไป ไฟกระแสตรงจะไม่ดูด แล้วก็ตาม  แต่ทว่า ถ้าหากตัว Rectifier ที่ทำหน้าที่แปลงกระแสสลับคือไฟจากไฟบ้าน ไปเป็นกระแสตรงเพื่อเข้าสู่มือถือ มีการชำรุด ทำงานผิดพลาด อาจทำให้มีไฟฟ้ากระแสสลับ (ซึ่งดูดเราได้) หลุดเข้าไปยังสายชาร์จที่วิ่งเข้าสู่มือถือได้  ก็จะทำให้ไฟที่วิ่งอยู่ในสายชาร์จกลายเป็นไฟที่ดูดได้ และถ้าหากสายชาร์จมีรอยขาด หรือชำรุด และมาถูกตัวผู้ใช้ ก็ไฟดูดได้ นั่นเอง
  ลองนึกภาพดู หากเราวางมือถือไว้บนเตียง โอกาสที่จะนอนดิ้นไปทับ ทำให้สายชำรุด สายหัก หรือสายชำรุดอยู่แล้ว  แล้วเกิดไฟรั่ว ไฟดูด ก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นทางที่ดี ไม่ควรชาร์จมือถือ แล้ววางไว้บนเตียงข้างๆที่เรานอน เพราะเราไม่รู้ว่า สายไฟจะมาพาดตัวเรามือ่ไหร่ ควรวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง หรือที่อื่นจะดีกว่า


5.อาการปวดหัวเนื่องมาจากการใช้โทรศัพท์

   การใช้โทรศัพท์มือถืออาจทำให้มีอาการปวดหัวได้ เพราะหลักการรับ-ส่งสัญญาณของโทรศัพท์
มือถือ คือ การแปลงเสียงพูดให้เป็นกระแสไฟฟ้า ก่อนส่งออกไปในอากาศ โดยอาศัยคลื่นพา เช่น คลื่นไมโครเวฟ แล้วไปตามสถานีเครือข่าย ที่มีทั่วประเทศไทย โดยผ่านทางเสาอากาศ


    ปกติเรานำคลื่นไมโครเวฟมาใช้ในการอุ่นอาหาร เนื่องจากคลื่นถูกดูดซึมจากส่วนประกอบที่มีน้ำได้ดี และถ้ามีความเข้มสูงพอจะเกิดเป็นความร้อน ทำให้อาหารนั้นร้อนขึ้นหรือสุกได้ ถึงแม้คลื่นไมโครเวฟ ที่กระจายอยู่ในอากาศยังไม่มีความเข้มถึงขีดอันตรายที่จะเกิดความร้อนได้ แต่เสาอากาศของโทรศัพท์มือถือได้ดึงดูดคลื่นไมโครเวฟเข้าสู่เครื่องโทรศัพท์ ทำให้บริเวณที่อยู่ใกล้เสาอากาศ คือ ศีรษะจะได้รับคลื่นไมโครเวฟในปริมาณมากจนอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดศีรษะได้

6.ขณะขึ้น-ลงรถโดยสาร

  แน่นอนว่าหากผู้ใช้งานมีการใช้งานโทรศัพท์มือถือขณะขึ้น-ลงจากรถโดยสาร ย่อมมีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายหลายๆ ด้าน ทั้งจากการผลัดตกจากรถเพราะมั่วแต่สนใจโทรศัพท์มือถือ หรือเกิดอุบัติเหตุจากรถที่สวนขึ้นมาจากด้านข้างขณะลงจากรถ เพราะเราไม่ได้มองด้านซ้าย-ขวาก่อนลงจากรถก็เป็นได้ และอาจส่งผลไปถึงผู้คนรอบข้างที่ร่วมโดยสารเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายไปด้วยจากความประมาทขณะใช้งานโทรศัพท์มือถือของเรานั้นเอง

7. ขณะฝนตก หรือ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า

  เชื่อว่าผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือหลายๆ คนคงจะทราบเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ว่าหากเกิดฝนตกหรือฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ไม่ควรนำโทรศัพท์มือถือออกมาใช้งานโดยเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่ผู้ใช้งานอาจจะโดนฟ้าผ่าใส่ตัวเองได้ เนื่องจากบนโทรศัพท์มือถือมีวัสดุที่สามารถเป็นสื่อนำไฟฟ้าได้เป็นอย่างดีนั้นเอง และแน่นอนว่าจะทำให้โทรศัพท์มือถือสุดรักของเราได้รับความเสียหายจากการเปียกน้ำฝนไปด้วยเช่นกัน